บักเคนทะลุมิติ ตอนที่ (159)
กองทหารม้า เจนิสซารี่ (Janissaries) ที่นำทัพโดยอะห์มัดปาชา อัล-ญาซาอิร (Ahmad Pasha Al-Jasaar) หลังจากได้รับชัยชนะก็มีความฮึกเหิม ได้นำป้ายผ้าตามคำสั่งของท่านเซอร์ซิดนีย์ ขนาดใหญ่หลายสิบป้าย นำป้ายผ้ามาผูกไว้ในเส้นทางที่นโปเลียนจะเดินทัพผ่าน ข้อความในป้ายผ้า ก็แตกต่างกัน “วันนี้คือวันตายของนโปเลียน” “นโปเลียนนำพวกท่านมาตาย โดยท่านไม่ได้อะไรเป็นสิ่งตอบแทน จงยกทัพกลับคืนไปเถิดทหารฝรั่งเศส พ่อแม่ ลูก เมีย ยังรอท่านอยู่” ที่นี่คือหลุมฝังศพนโปเลียน วันนี้ในอีก 1 ปีข้างหน้าคือวันครบรอบวันตายนโปเลียน” “ผู้นำโง่จะนำพวกท่านไปตาย จงยกทัพกลับไปซะ”
สงครามจิตวิทยาที่ ทหารม้า เจนิสซารีพร้อม ทหารอังกฤษ ได้เขียนข่มขวัญ กองทหารฝรั่งเศส ตามเส้นทางเดินทัพ
ส่วนสมรภูมิเดิม ทหารอังกฤษได้ตั้งปืนใหญ่ ไว้รอต้อนรับนโปเลียน พร้อมกับทำป้อมปืน ขุดหลุมเพลาะ ทำกับดักไว้รอต้อนรับนโปเลียน
“พระเจ้าจอร์จทรงให้ราชนาวีอังกฤษ นำปืนใหญ่สามร้อยกระบอก พร้อมทหารอีก หนึ่งหมื่นนาย มาขึ้นที่ท่าเรือ เมืองเอเคอร์ (Acre) เพื่อยับยั้งไม่ให้นโปเลียนยึดเมือง เอเคอร์ และขยายอาณาเขตออกไป” เซอร์ซิดนีย์ได้บอกกับอะห์มัด
“ ท่านอะห์มัด พระเจ้าแผ่นดินอังกฤษ ทรงทุ่มกำลัง ขอให้ท่านจงสั่งให้กองทหารม้าของท่านทำหน้าที่ให้เต็มความสามารถด้วย” เซอร์ซิดนีย์ ได้ย้ำกับ อะห์มัด การสนับสนุนการรบนี้ ท่านเซอร์ ซิดนีย์ มีความมั่นใจมากว่านโปเลียนจะต้องพ่ายแพ้กลับไป
“ข้าจะรบให้เต็มความสามารถท่านเซอร์ ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าได้ให้ทหารนำป้ายผ้าขนาดใหญ่ไปผูกเอาไว้กับเสา ตามเส้นทางที่ที่นโปเลียนคาดว่าจะเดินทัพผ่าน
“ท่านเซอร์อย่าลืมนะถ้ารบชนะ ขอซื้อปืนใหญ่และ ปืนไรเฟิลของกองทัพอังกฤษ” อะห์มัดได้บอกเซอร์ซิดนีย์
“ใจเย็น ท่าน ผมยังไม่ได้กราบทูลให้พระเจ้าจอร์จทรงทราบเลย ไว้มีข่าวคืบหน้าจะแจ้งให้ท่านทราบ”
***************************************
ในค่ายทหาร นโปเลียน ได้มีการหารือกับพลเอกบอร์น เกลแบร์ พลโท ฟรานซิส เวียร์ พลโท อเล็ก พลตรี โรเบอร์โต และพันเอก เจนัวร์ โดยมีบักเคน เข้าร่วมประชุมด้วย
“ผมจะใช้บอลลูนในการสอดแนมการตั้งทัพของฝ่ายออตโตมันและอังกฤษ” นโปเลียนเอ่ยในที่ประชุม
“ผมเห็นด้วย ผมเคยทดลองนั่งมาแล้ว แต่มันจะอันตรายถ้าทหารม้าเข้ายึดเกวียนได้ ก็จะสามารถควบคุมบอลลูนได้” เกลแบร์ได้เล่าประสบการณ์ที่ตนเคยได้ทดลองนั่งบอลลูนต่อหน้าพระที่นั่งพระเจ้าหลุยส์ที่ 16
“ไม่ต้องห่วงบอลลูนได้พัฒนาไปมาก ตอนนี้สามารถลอยสูงได้เกือบ สองพันเมตร ทหารอังกฤษไม่สามารถทำลายได้ ผมจะไม่ให้ใช้เชือก ไม่ให้เกวียนลาก แต่จะให้ลอยโดยอิสระ แต่เราต้องดูทิศทางลม และบังคับเอาด้วยการปิดเปิดแก๊ส โดยจะมีสายโทรเลขคอยแจ้งข่าวลงมา ถ้าทหารม้าเจนิสซารี่ (Janissaries) บุกเข้ามา ก็ให้ตัดสายโทรเลขทิ้ง และจะมีกองทหารม้าไปรับทหารที่ตรวจการณ์อยู่บนบอลลูน” นโปเลียนอธิบายให้ทุกคนที่ร่วมประชุมได้เข้าใจ
บักเคนประหลาดใจ ตนเองอยู่ในฝรั่งเศสมาตั้งนานแต่ไม่เคยได้ยินเรื่องฝรั่งเศสทดลองบอลลูน แทบไม่มีข่าวคราวเกี่ยวกับบอลลูนออกมา
“ท่านนโปเลียน บอลลูนนับเป็นสิ่งแปลกใหม่ ทำไม่ผมไม่เคยได้ยิน” บักเคนสอบถามนโปเลียน
“คุณเคนเป็นความลับของประเทศชาติ การทดลองทางราชสำนักได้ย้ำกับหนังสือพิมพ์ห้ามลงข่าวเพราะเป็นความลับของชาติ การใช้บอลลูนนี้ครั้งนี้เป็นครั้งแรกในทะเลทรายที่เมืองเอเคอร์ แต่ในปารีสมีการใช้งานหลายครั้งแล้ว ในการตรวจตราดูพวกความเสียหายของที่ดินของชาวบ้าน
ส่วนทางทหาร ครั้งแรกก็ใช้ในการตรวจการณ์ดู ทหารออสเตรีย ในการทำสงคราม ผมก็เลยนำบอลลูนมาด้วย เพื่ออาจจะได้ใช้งาน และศึกคราวนี้ก็มีความจำเป็นต้องใช้งานบอลลูน” นโปเลียนอธิบายให้บักเคนฟัง
การเอาไม้ตายที่เก็บซ่อนงำเอาไว้มาใช้ให้เกิดประโยชน์เป็นกลยุทธ์ทารทหารที่นโปเลียนมีความชำนาญ บอลลูนลาดตระเวน L’Intrépide ก็คือกลยุทธ์อีกอันหนึ่ง บอลลูน คิดค้นคิดโดยพี่น้องโฌแซ็ฟ-มีแชล มงกอลฟีเย ชาวฝรั่งเศสมีการทดลองครั้งแรก สาธิตต่อหน้าพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ณ พระราชวังแวร์ซาย บอลลูนได้ลอยสูงราว 550 เมตรโดยล่ามเชือกไว้และลากไปยังจุดหมายเริ่มจากพระราชวังตุยเลอรีในปารีสไปยังมณฑลวาล-ดวซ โดยใช้คนเกวียนลากใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงได้ระยะทาง 33 กิโลเมตร ซึ่งมีขุนนางรวมทั้งเกลแบร์โดยสารอยู่ในบอลลูนด้วยสี่คน
บอลลูนได้พัฒนาไปมากหลังจากมีการสาธิตต่อหน้าพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 มีการใช้ไฮโดรเจน บอลลูนสามารถลอยได้สูง เกือบสองพันเมตร พ้นระยะปืนคาบศิลา การเดินทัพคราวนี้ นโปเลียนได้นำบอลลูนมาด้วย 1 ลูก เพื่อใช้ในคราวจำเป็น หลังจากพ่ายแพ้ในการรบ กับอังกฤษและทหารม้าจักรวรรดิออตโตมัน นโปเลียนและเกลแบร์และพลเอกบอร์น มีความเห็นพ้องต้องกันต้องใช้บอลลูนในการสอดแนมกองทหารอังกฤษและกองทหารม้า เจนิสซารี่ (Janissaries) เพื่อบินลาดตระเวนดูการตั้งทัพ เพื่อจะได้กำหนดกลยุทธ์การรบได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข่าวคราวที่รอคอยความช่วยเหลือจาก ชาร์ เงียบหายไป ปืนใหญ่และทหารที่ขอไปไม่ได้รับการตอบรับ จากชาร์ นโปเลียนก็ไม่รอ ช่วงเย็นบักเคนได้มาพบกับนโปเลียน โดยมีรัสตัมยืนอยู่กับนโปเลียน
“สวัสดีท่าน ผมมาตามคำสั่งของท่านครับ”
“ตามสบายคุณเคน”
“เอาละคุณเคนมีอะไรอยากจะบอกผมก็พูดมาได้เลย” นโปเลียนบอกบักเคน”
รัสตัมเมื่อเห็นบักเคนเดินมา ตนเองก็ได้เดินเลี่ยงออกไป เพราะถือว่าเป็นความลับของเจ้านายกับคุณเคนจะสนทนากัน ส่วนตนเองก็ทำหน้าที่คอยตรวจตราไม่ให้ใครบุกรุกเข้ามาในขณะที่นโปเลียนสนทนากับบักเคน
“ครับท่าน ที่ผมอยากจะคุยกับท่านเพียงสองคน เพราะเรื่องคุณอาดัมที่เดินทางมาอียิปต์”
“ไหนลองเล่าไปซิ คุณเคน ทำไมมันลึกลับที่ต้องคุยกับผมสองต่อสอง” นโปเลียนบอกกับบักเคน
“ครับ ความลับที่น้อยคนจะรู้ แต่ไม่ใช่ความลับ เพราะคนรู้เกินสองคนไม่ใช่ความลับ” บักเคนพูดจนทำให้นโปเลียนงง
“หมายความว่าอย่างไร”
มันไม่ใช่ความลับแต่ผมไม่อยากให้ใครรู้มากครับท่าน คุณอาดัมที่มาอียิปต์ ผมคิดว่ามาหาท่านนะครับ”
“คุณอาดัมมาหาผม มาหาด้วยเรื่องอะไร มันจำเป็นขนาดนั้นเลยหรือที่ต้องเสี่ยงตายมาหาผมที่อียิปต์” นโปเลียนถามบักเคน
“ผมคิดว่าน่าจะใช่นะ ผมเดา อาดัมคงได้รับการไหว้วานจากกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ผมคิดว่าน่าจะเป็นพวกพ่อค้า กลุ่มทุน เพราะอาดัมมีสายสัมพันธ์อันดีกับพ่อค้าทั่วโลก อาดัมเป็นหัวหน้าสมาคมอิลลูมินาตี” บักเคนบอกนโปเลียน
“ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน สมาคมที่ว่ามานี้”
บักเคนทะลุมิติ ตอนที่ (160)
“ผมจะเล่าเรื่องสมาคม อิลลูมินาตี (Illuminati) สมาคมนี้เป็นสมาคมลับมีคุณอาดัมเป็นหัวหน้าสมาคม คนแรก เพราะก่อนหน้าคุณอาดัมอยู่สมาคมฟรีเมสันมาก่อน สมาคมนี้ตั้งขึ้นมาเพื่อต่อต้านความงมงาย (superstition) ต่อต้านอิทธิพลของศาสนาในชีวิตผู้คน รวมถึงต่อต้านการใช้อำนาจรัฐในทางผิด”
“คุณอาดัมมีเป้าหมายขององค์กรนี้ในทางธุรกิจ โดยใช้การเงินนำหน้าอำนาจ จะคอยชักใยและสร้างสถานการณ์เพื่อต่อต้านรัฐบาลที่กดขี่ประชาชน เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจทางการเมืองและอิทธิพลโดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการจัดระเบียบโลกใหม่ (New World Order)”
“คุณอาดัมคงอยากจะมาพบท่านนโปเลียนเพราะอยากสนับสนุนท่านให้ครองโลก เพราะสมาคมนี้มีสายสัมพันธ์อันดีอยู่ในยุโรป และอเมริกาและขยายไปทั่วโลก ถ้าสมาคมนี้สนับสนุนใครก็จะได้เป็นใหญ่ ได้ปกครองแผ่นดิน สมาคมจะอยู่เบื้องหลังการเมืองการปกครองทั้งโลก โดยมีเป้าหมายที่จะดำเนินการในทางลับเพื่อปฏิวัติเปลี่ยนแปลงสังคม ให้ผู้คนได้ตระหนักถึงอำนาจควบคุมทางสังคมของกลุ่มชนชั้นนำ กลุ่มนายทุน” บักเคนได้เล่าให้นโปเลียนฟัง
“น่าสนใจมากผมไม่เคยรู้มาก่อน แล้วทำไมคุณเคนถึงรู้ได้ละเอียดลึกซึ้ง”
“ผมก็เป็นสมาชิกสมาคม อิลลูมินาตี (Illuminati) โดยคุณอาดัมให้ผมเป็นสมาชิกคนแรกของสยาม” บักเคนบอกกับนโปเลียน
“อืมส์ ถ้ามีโอกาสผมจะพบกับคุณอาดัมและลองสนทนาถึงสิ่งที่คุณเคนเล่าว่าจะทำประโยชน์อะไรให้กับฝรั่งเศสบ้าง” นโปเลียนบอกกับบักเคน
“ท่านมีโอกาสได้พบแน่นอนครับท่านนโปเลียน” บักเคนได้กล่าวตอบ
*********************************************
“พวกเราต้องชนะในการรบให้ได้ เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้ทหาร” นโปเลียนบอกกับทุกคน
ที่ค่ายทหาร ทหารจำนวนหลายร้อยที่ยืนห่างจากจุดที่กำลังบรรจุก๊าซเข้าไปในบอลลูน ทุกคนกำลังจ้องมองง ผ้าทรงกลมค่อยขยายตัวเป็นทรงกลมปลายแหลมและค่อยยกตัวลอยขึ้น
“พระเจ้ามันกำลังจะลอย” “โอมหัศจรรย์” “พระเจ้าช่วย” “โอโฮมันกำลังจะลอยขึ้นแล้ว” ทหารฝรั่งเศสหลายพันนายกำลังมองดูการบรรจุก๊าซเข้าไปในบอลลูนของร้อยโทลูคัส บักเคนก็ไม่เคยเห็นก็ทำตัวเป็นฝรั่งมุง มองดูอยู่ห่าง ๆ ถึงกระบวนการทำให้บอลลูนลอยขึ้น บักเคนเคยเห็นแต่ลูกโป่งสวรรค์ในงานวัด แต่วันนี้ได้มาเห็นการทำให้บอลลูนลอยได้ในบนพื้นแผ่นดินทะเลทราย
นโปเลียนและนายทหารได้ดูอยู่ห่าง “เอาละอีกไม่กี่อึดใจ บอลลูนก็ลอยขึ้นฟ้า ผมให้พันเอกเจนัวร์และร้อยโทลูคัสรับผิดชอบ ในการขึ้นไปบนบอลลูน เพียงสองคน และให้นำระเบิดมือขึ้นไปบนบอลลูนด้วย สัก สองร้อยลูก” นโปเลียนได้สั่งการ
“ได้รับครับท่านนโปเลียน”
“เอาละปล่อยบอลลูนได้ ทหารทุกคนเตรียมพร้อมและให้เคลื่อนทัพตามบอลลูนไป” พลเอกบอร์นได้สั่งการแทนนโปเลียน
“ปฏิบัติ”
เสียงแตรและกองดุริยางค์ได้บรรเลงปลุกใจและเดินนำหน้าออกจากฐานทัพเหมือนกับการแข่งกีฬาสีประจำโรงเรียน แต่เป็นการรบในสงครามจริงกลางทะเลทรายที่มีแต่ความแห้งแล้ง
บนท้องฟ้าสูงประมาณพันห้าร้อยเมตร บอลลูนกำลังลอยไปอย่างช้า ๆ ตามกระแสลม มีสายโทรเลขห้อยลงมา ส่วนข้างล่างทหารหนึ่งกองพันได้อารักขา หน่วยสื่อสาร พันเอกเจนัวร์ได้ใช้กล้องส่องทางไกลมองกวาด ไปรอบ ๆ เห็นแต่ทะเลทรายเวิ้งว้างสุดลูกหูลูกตาทางด้านข้างและด้านหลัง ส่วนด้านหน้า มีตัวเมืองอยู่ไกลลิบห่างออกไปหลายสิบกิโลเมตร บอลลูนเคลื่อนไปอย่างช้าๆพร้อมกับรายงานข่าวโดยร้อยโทลูคัสได้ส่งสัญญามอรส์กลับลงมาเพื่อแจ้งเหตุ
ข้างหน้าเป็นกองดุริยางค์เดินนำขบวนได้ประมาณ 1 กิโลเมตรก็ถอยมาด้านหลัง ปล่อยให้ทหารม้าเดินนำทัพ ตามด้วยทหารราบ และทหารปืนใหญ่ นโปเลียนและเหล่าทหารได้ควบม้า พร้อมกับบักเคนอยู่ตรงกลาง ทหารเสนารักษ์ และหน่วยเสบียงรั้งท้ายขบวนทัพเรียงรายมีอูฐนับพันตัว และเกวียนนับร้อยเล่มลำเลียงปืนใหญ่ที่เหลืออยู่ประมาณ หนึ่งร้อยกระบอก
การเดินทางโดยมีบอลลูนลอยฟ้า เป็นเหมือนหน่วยตรวจการณ์ดูการวางกำลังรบของข้าศึก
“ห่างออกไปประมาณ 3 กิโลเมตร มีป้ายผ้าผูกไว้กับเสาที่ทัพกำลังจะเดินผ่านไป” พันเอกเจนัวร์ได้รายงานให้กับนโปเลียนได้รับรู้”
“ลองส่องกล้องไปดูซิว่าป้ายอะไร” นโปเลียนได้สั่งการให้ทหารคนสนิทรีบป้อนคำสั่งผ่านเครื่องโทรเลขไปให้พันเอกเจนัวร์
บอลลูนได้ลอยไปทางป้ายอย่างช้าประมาณ สิบกว่านาทีก็มีสัญญาโทรเลขส่งข่าวมาจากบนบอลลูน”
“เป็นป้ายข่มขวัญ ไม่มีอะไรผมจะทำลายป้ายนี้ทิ้ง” พันเอกเจนัวร์ไม่กล้ารายงานข้อความที่ตนเองได้นำบอลลูนเข้าไปใกล้และได้ซูมป้ายมีข้อความภาษาอังกฤษ และฝรั่งเศสว่า “วันนี้ในอีก 1 ปีข้างหน้าคือวันครบรอบวันตายนโปเลียน”
สักพักก็ได้ยินเสียงดัง บึ้ม เสาสองต้นที่ผูกป้ายผ้าได้ลุกเป็นไฟเหลือเพียงเถ้าถ่าน”
การระเบิดของป้ายผ้าได้ดัง ไปถึงกองทหารอังกฤษที่พรางตัวอยู่กับพุ่มไม้ และก้อนหิน ที่อยู่ห่างไปประมาณ 5 กิโลเมตรที่เป็นเขตที่จะจัดการกับกองทัพนโปเลียน ทหารอังกฤษได้มาดักซุ่มโจมตีนโปเลียน
“กองทัพนโปเลียนเดินทัพมาแล้วบอกพวกเราให้เตรียมตัว”
ร้อยเอกฟิลิป จากหน่วยซุ่มโจมตีสังกัดหน่วยจิ้งจอกทะเลทรายของอังกฤษได้ส่งสัญญาน
“ดูนั้นบนท้องฟ้ามีวัตถุประหลาดลอยได้กำลังลอยมาอย่างช้า ๆ “ สิบเอกบ๊อบได้บอกร้อยเอกฟิลิป
“โอ วัตถุบินได้ มันคือบอลลูน ทำไมมาลอยอยู่ที่นี่” ร้อยเอกฟิลิป แปลกใจ
“สิบตรีโทมัสรีบไปรายงานท่านเซอร์ด่วน นโปเลียนใช้บอลลูนมาช่วยในการรบ ท่านจะให้ทำอย่างไรต่อ”
“ได้ครับ” สิบตรีโทมัส รีบลุกขึ้นและตรงไปยังอูฐที่ผูกเอาไว้กับต้นอาเคเซียที่ขึ้นเรียงรายอยู่บริเวณนี้
“ท่านครับ ร้อยเอกโทมัสให้มารายงานท่านพบบอลลูนลอยใกล้กับที่เราซุ่มโจมตีกองทัพนโปเลียน
“เจ้าว่าอย่างไรนะเห็นบอลลูน ลอยอยู่บนฟ้า หรือว่านโปเลียนเอาบอลลูนมาช่วยในการรบ”เซอร์ ซิดนีย์อดแปลกใจไม่ได้
กลับไปถอนกำลังออกมา และให้หน่วยปืนใหญ่เตรียมพร้อมโจมตีถ้ากองทัพนโปเลียนเดินทัพมาถึงก็ให้โจมตีได้เลย และบอกให้กองทหารม้า เจนิสซารี่ (Janissaries) คอยโจมตีซ้ำ ถ้านโปเลียนถูกถล่มด้วยปืนใหญ่” เซอร์ ซิดนีย์ได้สั่งการให้ทหารนำคำสั่งของตนไปแจ้งให้กับทุกหน่วยตามที่ได้สั่งการไป